วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2555

อาชีพมัณฑนากร


อาชีพมัณฑนากร  (Interior  Designer)
     เพื่อนๆคนไหนที่เป็นคนรักบ้านคงจะเป็นปลื้มกับอาชีพนี้เป็นพิเศษ  เพราะจะได้ออกแบบบ้านในฝันของตัวเองให้สวยเริดระเบิดกันไปเลย  แต่กว่าจะมาเป็นมัณฑนากรได้ื  เพื่อนๆ  ต้องฝ่าด่านอรหันต์กันจนเหนื่อยเชียวล่ะ

มัณฑนากรทำอะไรบ้าง
1.  คุยกับลูกค้าว่าต้องการให้แต่ละห้องเป็นแบบไหน  ลูกค้าส่วนใหญ่จะมีแบบในใจคร่าวๆ เท่านั้น  ดังนั้นมัณฑนากรจะต้องตีโจทย์สิ่งที่อยู่ในใจของลูกค้าเวลาออกมาเป็นภาพ
2.  เอาสิ่งที่ลูกค้าบอกมาคำนวณแบบประเมินราคาค่าวัสดุ  ค่าแรงงาน  ความยาวนานในการก่อสร้าง  เพราะคนงานกินค่าแรงเป็นรายวัน ถ้าคำนวณผิดแล้วต้องไปเบิกเงินเพิ่ม  ลูกค้าที่อวตานมาจากเครื่องคิดเลขบางรายอาจไม่พอใจ  พานยกเลิกงานหรือเเบี้ยวไม่จ่ายเลยก็ได้
3.เขียนแบบด้วยคอมพิวเตอร์ออกมาเป็นภาพสามมิติให้ลูกค้าดู  ถ้าลุกค้าพอใจก็ลงมือทำได้ แต่ถ้าลูกค้าไม่พอใจ มัณฑนากรจะต้องหอบงานไปแก้จนกว่าลูกค้าจะพอใจ
4.  ส่งแบบให้ช่างไม้  ช่างปูน  ช่างไฟ  แล้วควบคุมให้ทุกคนทำงานออกมาตามที่กำหนด

คนแบบไหนที่เป็นได้
-  เรียนจบปริญญาตรีในสาขามัณฑนศิลป์  หรือคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาตกแต่งภายใน
-  มีความคิดสร้างสรรค์  รักงานศิลปะ  อยากผลิตผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร  แต่ใช้งานได้จริง
-  วาดรูปสามมิติที่เรียกว่าเพอร์สเป็คทีฟได้และใช้โปรแกรมออกแบบในคอมพิวเตอร์เป็น
-  มีมนุษยสัมพันธ์ดี  รู้ัจักอดทนกับความจุกจิกของลูกค้า
- สามารถเข้ากับคนงานได้  ไม่ถือตัว
-  ละเีอียดรอบคอบ  ไม่ทำงานชุ่ยๆ ยิ่งเพื่อนๆให้ลูกค้าประทับใจได้มากเท่าไร  โอกาสที่เขาจะกลับมาหรือแนะนำลูกค้าคนใหม่มาให้ก็มีสูง
-  มีหัวทางการค้า  เข้าใจตลาดว่าควรตั้งราคาเ่ท่าไรลูกค้าถึงจะรับได้ปและตัวเองไม่ขาดทุน
- มีวิสัยทัศน์ใหม่ๆ  อยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ออกแบบห้องสิบห้องเหมือนกันหมด
-  มีร่างกายแข็งแรง  อยู่ง่ายกินง่าย


เสน่ห์อของงานนี้
   ได้ผสมผสานระหว่างจินตนาการกับโลกแห่งความเป็นจริงสร้างสรรค์ออกมาเป็นงานศิลปะที่อยู่อาศัยได้จริงๆ  และไม่ใช่แต่จะได้ตกแต่งบ้าน ถ้าฝีมือเจ๋งพอก็อาจจะได้เข้าไปตกแต่งโรงแรมสวยๆ  ร้านอาหาร รีสอร์ต  หรือแม้แต่ห้างสรรพสินค้าก็ได้

รายได้ของมัณฑนากร
   ถ้าเข้ารับราชการในหน่วยงานของรัฐจะได้เงินเดือนตามวุฒิการศึกษาซึ่งไม่มากมายอะไร  แต่มีข้อดีคือถ้าทำงานดีก็สามารถเลื่อนขั้นขึ้นเป็น  ซี 6  ซี 7  จนถึงเป็นหัวหน้ากองได้  แต่ถ้าเข้าทำงานกับบริษัทเอกชน  เงินเดือนเริ่มต้นจะอยู่ที่  15000-20000 บาท  และหลังจากฝึกวิทยายุืทธ์จนแก่กล้าสามารถออกไปตั้งบริษัทเอง  รายได้ก็จะมากขึ้นอีกหลายเท่าเลยแหล่ะ

วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

อาชีพครูสอนดนตรี



เสน่ห์ของอาชีพนี้
      ถึงแม้ครูสอนดนตรีจะถูกมองว่าเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง  รายได้ก็งั้นๆ  แต่เอาเข้าจิงแล้วคนที่ทำอาชีพนี้มักจะเครียดน้อยกว่าพนักงานบริษัท  เพราะสามารถจัดตารางเวลาทำงานของตัวเองได้  และได้อยู่กับเด็กๆ  และเสียงเพลงตลอดเวลา  ไม่มีเจ้านายมาคอยจ้ำจี้  ไม่ต้องชิงดีชิงเด่นกับใคร สรุปแล้วมีึความสุขกว่าเยอะ

ครูสอนดนตรีไส้แห้งจริงหรือ
      ถ้าเพื่อนๆ  ไปหลบมุมสอนอยู่ในสถาบันที่ไม่ค่อยจะมีนักเรียน  รายได้อาจจะไม่มาก  แต่ถ้าสอบตามสถาบันใหญ่ๆ  ที่มีชื่อเสียง  มีเด็กเข้าคิวเรียนวันละเป็นร้อยคนรายได้ต่อคอร์สจะประมาณละ1-2000  บาทถ้าวันหนึ่งสอนได้  5 คอร์สก็ไดเ้กือบ 10000  บาทเข้าไปแล้ว ทั้งนั้นทั้งนี้จะต้องขึ้นอยู่กับวุฒิการศึกษาด้วย  ฝีมือในการสอนให้เด็กสนุก   เข้าใจง่าย  ที่สำคัญคือต้องหลอกล่อเด็กเป็น  ถ้าไปทำหน้าดุ  เด็กๆต้องเผ่นกระเจิงแน่  รายได้ก็ต้องลดลงตามไปด้วย

ใครบ้างที่เป็นได้

    *ต้องมีประกาศนียบัตรทางด้านดนตรี  ประกาศนียบัตรนี้ไม่เกี่ยวกับใบปริญญานะ
    *รักในการสอน  รู้จักถ่ายทอดเทคนิคด้วยภาษาง่ายๆ  ที่เด็กๆ  หรือคนเล่นดนตรีมือใหม่เข้าใจได้
    *หมั่นฝึกซ้อมเพิ่มเติมวิชาความรู้  ถ้าเมื่อไรลูกศิษย์เกิดเล่นเก่งกว่าครูขึ้นมา  นั่นล่ะคือจุดจบในอาชีพของเำพื่อนๆๆแน่

โอกาสทางอาชีพ
    อาชีพครูสอนดนตรียังเป็นที่ต้องการของตลาดอีกมาก  และไม่ใช่ว่าแต่จะสอนได้อย่างเดี่ยวนะ  เวลาว่างอาจจะไปรับจ๊อบเล่นดนตรีในโรงแรม  ในผับ  ร้านอาหาร หรือตามงานอีเว้นท์ต่างๆ  ได้อีกด้วย   ครูบ้างคนหน้าตาดีอาจจะได้เป็นถึงนักร้องเลยก็ว่าได้  เห็นไหมว่าอันดนตรีมีคุณทุกสิ่งไป  ไม่ใช่เป็นนักดนตรีไส้แห้งตลอดไปนะจ๊ะ

ข้อเสียของอาชีพนี้
   เป็นอาชีพที่รายได้ไม่มั่นคง  ถ้าอยู่ๆเศรษฐกิจไม่ดี  พ่อแม่ของนักเรียนให้ลูกถึงกับเลิกเรียนเลยก็ได้  รายได้ของครูก็ต้องหดไปด้วย  ไม่เหมือนพนักงานบริษัทที่มีโอกาสก้าวหน้าได้ขึ้นเงินเดือนทุกปี  และอาชีพนี้ยังไม่มีโบนัสสวัสดิการใดๆทั้งสิ้นอีกด้วย

วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2555

อาชีพพยาบาล


         การพยาบาล  ตามความหมายที่ "ฟลอเรนซ์  ไนติงเกล"  แม่พระพยาบาลของชาวโลกได้ให้ไว้  หมายถึง  กิจกรรมการช่วยเหลือผู้ป่วยเพื่อให้อยู่ในสภาวะที่จะต่อสู้การรุกรานของโรคได้อย่างดีที่สุด  เท่าที่จะเป็นไปได้ทั้งร่างกายและจิตใจ  ก็หมายความว่าพยาบาลไม่ได้ดูแลแต่ร่างกาย  แต่ยังต้องตามไปปะผุซ่อมแซมจิตใจของคนไข้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วย

พื่อนๆรู้ไหมว่าทำไมผู้หญิงส่วนใหญ่ถึงอยากเป็นพยาบาล
1.  ข้อดีที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ  ไม่ต้องกลัวตกงาน  เพราะตลาดแรงงานโลกยังต้องการพยาบาลอีกมากมาย
2.  ว่ากันว่าอาชีพพยาบาลเป็นอาชีพที่ได้บุญอยู่ทุกวินาที  แต่จะจริงไม่จริงก็ขึ้นอยู่กับตัวของพยาบาลเอง

กว่าจะได้เป็นพยาบาล
1.  การเรียนพยาบาลมีพื้นฐานมาจากวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นหลัก
2.  ชอบช่วยเหลือผู้คน  มีใจเมตตา  ถ้าไม่มีสองสิ่งนี้่คุณจะอดทนเป็นพยาบาลได้ไม่ตลอดรอดฝั่งแน่
3.  ไม่กลัวเลือด  เข็มฉีดยา  ภาพแผลฉีกเหวอะหวะ  ข้อนี้ไม่ได้ขู่แต่รับรองว่าเจอแน่ๆ
4.  จบ ม.6  สายวิทยาศาสตร์  และเรียนต่อสาขาพยาบาล อีก  4  ปี
5.  ควรสูงมากกว่า  150 เซนติเมตร หนักไม่น้อยกว่า  40 กิโลกรัม  เพราะต้องคอยพยุงคนไข้  แบกหาม  ยกเครื่องมือหนักๆ
6.  เตรียมใจพร้อมเผชิญหน้ากับซีนดราม่าตลอดเวลา ความหดหู่  โศกเศร้า  กดดันกับนาทีเป็นตายของคนอื่น  เป็นเรื่องที่พยาบาลจะต้องทนรับให้ได้ 

โอกาสความก้าวหน้าของพยาบาล
   ไปได้ทั่วประเทศ  เช่น  เป็นพยาบาลอยู่อนามัยชุมชน  ในโรงพยาบาล  เป็นพยาบาลประจำคลีนิกเอกชน  ประจำโรงงานอุตสาหกรรม  ประจำสายการบิน  เป็นพยาบาลในหน่วยราชการทหารทุกกองทัพ  ฯลฯ  และถ้าพูดภาษาต่างประเทศได้คล่อง  พยาบาลเป็นอาชีพที่ในต่างประเทศยังต้องการอีกเยอะ

วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อาชีพนักวิจารณ์อาหาร


ความสนุกของอาชีพนี้
  • แน่นอนว่าเป็นอาชีพเดี่ยวที่สามารถพาคุณขึ้นเหนือล่องใต้ไปทั่วประเทศ  โดยบริษัทจะออกค่าเดินทางให้
  • ไม่จำเป็นต้องตอกบัตรทำงาน  ไม่มีเจ้านายมาตามคุมให้น่าเบื่่อ ขั้นตอนการทำงานขึ้นอยู่กับเราเอง
ความยากของงาน
  • เลือกไม่ได้ว่าจะได้ไปกินอาหารในร้านหรูไฮโซ จะต้องเตรียมใจรองรับท้องตั้งแต่ร้านอาหารข้างทางจนถึงภัตตาคารห้าดาว
  • ต้องมีการเดินทางอยู่ตลอดเวลา  นักวิจารณ์จะต้องดูแลสุขภาพตลอดเวลา
คุณสมบัติจำเป็น
  • นักวิจารณ์ตัวจริงจะต้องกินอาหารมาเยอะและหลากหลายจนรู้ว่าอาหารประเภทนี้ถ้าให้อร่อยต้องมีรสชาติอย่างไร
  • ทำกับข้าวเป็น  เป็นความจำเป็นอย่างหนึ่งในงานอาชีพ  เพราะนักวิจารณ์จะต้องรู้ว่าเมนูนี้ต้องใส่อะไรบ้างถึงจะครบเครื่อง
  • ไม่จำเป็นต้องมีใบปริญญา แต่ต้องมีความรู้ว่าอาหารที่ดีเป็นอย่างไร  ที่สำคัญต้องเป็นคนซื่อสัตย์  ตรงไปตรงมา  ไม่เห็นแก่เงิน  ไม่วิจารณ์โดยใช้อคติ
รายได้ของนักวิจารณ์ในเมืองไทย
         ถ้าเป็นนักวิจารณ์ของนิตยสารก็เท่ากับเป็นทีมงานคนหนึ่ง  รายได้จะเท่ากับพนักงานกองบรรณาธิการทั่วไป  แต่ถ้าเขียนดีทางหนังสือก็อาจจะให้ค่าเรื่องต่างหากแยกจากเงินเดือน  ขึ้นอยู่การพูดคุยตกลงกัน



เพื่อนๆคนไหนที่ชอบกินหรือชอบชิมอาหารเป็นชีวิตจิตในลองพิจารณาอาชีพนี้ดูนะจ๊ะ :)